จดหมายรักฉบับสุดท้าย
เริ่มต้นความรักมักไม่ง่าย
ผู้เข้าชมรวม
49
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีกิรัณย์ที่รัก
ลืมบอก…จากบางกอกจ๊ะ
น้อยขอยืมคำขึ้นต้นและคำลงท้ายจดหมายที่คุณรัณย์มักจะใช้ส่งถึงน้อยมาในจดหมายฉบับนี้ด้วยนะเพราะคิดว่านี่คงจะเป็นฉบับสุดท้ายระหว่างเราสองคน (ลองอ่านทบทวนดูแล้วคำว่าฉบับสุดท้ายนี่เหมือนเราจะไม่ได้เจอกันอีกยังไงไม่รู้นะ แต่น้อยไม่รู้ว่าจะใช้คำไหนนี่นา) ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเราสองคนนะคุณรัณย์ว่าการสื่อสารแบบเก่าผ่านบุรุษไปรษณีย์ในยุคไอทีแบบนี้จะทำให้เรามาถึงวันนี้ได้ มันมีสิ่งที่มาพร้อมกับบุรุษไปรษณีย์หน้าเก่าที่มาส่งจดหมายให้ทุกครั้งพร้อมรอยยิ้ม หลายคนว่าช้ากว่าอีเมล์แต่น้อยว่าช้าแบบโรแมนติคดีนะ
น้อยจะเริ่มสอบปลายภาคอาทิตย์หน้าก็เตรียมตัวมาตลอดอย่างที่คุณรัณย์เองก็คงเหมือนกัน จดหมายฉบับนี้เป็นการผ่อนคลายความเครียดที่น้อยค่อยคิดค่อยทบทวนเรื่องระหว่างเราแล้วก็ค่อยเขียนออกมาคิดว่าจะส่งให้ก่อนจะเริ่มสอบ จดหมายฉบับนี้จึงเป็นฉบับแรกและฉบับสุดท้ายที่ยาวมาก ๆ ของน้อยถึงคุณรัณย์
“รัณย์รู้ไหมว่าน้อยเริ่มนึกถึงเรื่องระหว่างเราที่ตรงช่วงเวลาไหน?”
ช่วงใกล้จบมัธยมศึกษาปีที่ 3 เพราะดูเหมือนเป็นเวลาที่เราเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เปลี่ยนทีละน้อยอย่างไม่ทันรู้ตัว
ความที่พ่อเราสองคนเป็นเสมือนเพื่อนกึ่งญาติทั้งยังบ้านใกล้เรือนเคียง แม่เราสองคนก็สนิทสนมถูกคอกันอย่างดี มีแต่เราสองคนที่ไม่ถูกชะตากันตั้งแต่แรกเห็น สิ่งแรกที่มองเห็นในตัวรัณย์เมื่อน้อยย้ายไปอยู่ใกล้บ้านรัณย์คือความหลงตัวเอง ยโส และคิดว่าคงเป็นเพราะความเป็นหัวโจกของรัณย์ เด็กแถวบ้านทุกคนต้องเป็นลูกน้อง แต่ไม่ใช่น้อยคนนี้ที่แข็งข้อไม่ยอมตามใครจะตั้งท่าเป็นอันธพาลอีกคนแข่งกับรัณย์ ไม่ใช่อะไรแต่เพราะน้อยก็ใหญ่มาจากถิ่นอื่นก่อนจะย้ายไปอยู่แถวนั้น เรื่องมันแย่เมื่อวันหนึ่งน้อยเดินกลับบ้านมองเห็นพ่อแม่เดินเข้าไปในบ้านของรัณย์ น้อยก็ดูแล้วล่ะว่ารัณย์คงยังไม่กลับ คงกำลังจีบสาวอยู่ซักคนที่ใดที่หนึ่งในเมืองหรือในโรงเรียน น้อยไม่ทันได้ตามเก็บกระเป๋าหรอกแต่ตามพ่อเข้าไปในบ้านรัณย์ เรื่องที่ได้ยินคือเรื่องที่เราสองคนถูกผูกด้วยของหมั้น น้อยไม่ได้อยากจะฟังต่อแต่พอวิ่งออกไปก็พบรัณย์เดินสวนเข้ามามองน้อยขำ ๆ อย่างไรพิกล น้อยคงอายมั๊งกับเรื่องที่ได้ยินและคิดว่ารัณย์คงรู้เห็นด้วยเป็นแน่ก็ยกกระเป๋านักเรียนในมือนั่นแหละเหลี่ยงใส่รัณย์ที่รับได้ทันสมเป็นนักกีฬา
“อะไรวะไอ้น้อย?”
กับคนอื่นน่ะรัณย์พูดเพราะ ๆ ด้วยได้ แต่กับน้อยนี่เหมือนเพื่อนผู้ชายคุยทุกครั้งแต่เล็กจนโตจวนจะใช้นางสาวนั่นเลยนะ
“ไอ้คนเฮงซวย นายแก้แค้นฉันอย่างอื่นไม่ได้หรือไง ไม่เห็นต้องหมั้นหมายผูกกันด้วยเรื่องงี่เง่าอย่างที่พ่อแม่กำลังคุยกันอยู่นั่น”
“หมั้น เมิ้น อะไรของแกวะไอ้น้อย อย่ามาตู่นะเว้ย ผู้หญิงที่มองตรงไหนก็เป็นผู้ชายไปหมดฉันจะอยากได้มาทำอะไร รกบ้านเปล่า ๆ “
จบเทอมนั้นรัณย์ก็ย้ายไปอยู่นครพนมเพราะพ่อของรัณย์ต้องย้ายไปประจำที่นั่น น้อยรู้สึกว่าเหงาอย่างบอกไม่ถูกที่ไม่มีคู่กัด ทั้งที่พออยู่ก็จะฟัดกันตายเหมือนหมาแมวที่เจอกันไม่ได้ น้อยว่าแปลกดีเพราะรู้สึกว่ารัณย์เองก็หงอยไปเมื่อใกล้วันย้ายเต็มที สาว ๆ งิน้ำตานองหน้ามาส่งรัณย์ที่หน้าบ้านเหมือนลูกหมาลูกแมวถูกทิ้งไว้ไม่มีใครไยดีอย่างไงอย่างนั้นเลย ตอนนั้นน้อยคิดอย่างนี้จริง ๆ นะ รวมทั้งว่ารัณย์น่ะไปซะได้ก็ดี แต่พอเอาเข้าจริงมันเหงาที่สุดเลย อยู่โรงเรียนมีเพื่อน อยู่บ้านไม่มีใครเราก็ยังหันมาเล่นมาแหย่กันได้บ้างพอหายเบื่อหายเซ็ง
“น้อย แม่แกมา”
เพื่อนร่วมทีบาสวิ่งมากระซิบน้อยก็มองไปด้านหน้าโรงยิมเห็นแม่เดินเข้ามากับคุณป้าก็วิ่งแน่บออกไปเพราะรู้ตัวว่าน้อยไม่ได้กลับบ้านสองอาทิตย์แล้ว
“คิดถึงแม่จัง” น้อยประจบแม่ตามวิสัยล่ะน่ะจากนั้นก็ไหว้คุณป้าและถ้าคุณป้าไม่พูดขึ้นน้อยคงไม่รู้ว่ามีใครอีกคนมาด้วย
“ไม่เจอกันสองปีสวยขึ้นนะหนูน้อย” เห็นไหมคุณป้าน่ะยังเห็นว่าน้อยสวยขึ้นมีแต่รัณย์ที่ตาบอดกระทั่งเดี๋ยวนี้ “หรือว่าไงรัณย์?”
ไม่มีเสียงตอบนอกจากรอยยิ้มที่ทำให้หมั่นไส้และนึกขวางคนขี้เก๊กคนนั้นเสียนัก
“เดี๋ยวน้อยมีแข่งนะแม่ แม่อยู่ดูไหม คุณป้าล่ะคะ?”
“แม่จะไปเตรียมซื้อของทำกับข้าวเย็นนี้จ๊ะ นี่แวะมาบอกว่าให้กลับบ้านเย็นนี้”
“จ๊ะ” ก็พอดีมีเสียงนกหวีดเรียกรวมตัวน้อยก็ยกมือไหว้แล้วรีบวิ่งกลับเข้าโรงยิม
“หายหัวไปไหนมาวะไอ้น้อย?” โค้ชดุน้อยว่างั้นนะเท่าที่จำได้
“แม่มาน่าอาจารย์”
“มีหนุ่มหล่อมาดูด้วยว่ะวันนี้” เพื่อนน้อยกระซิบกระซาบ ตอนกำลังแข่งมันเป็นนัดกระชับมิตรเท่านั้นจึงไม่มีใครตั้งใจจริงกันนักหรอก น้อยหันไปดูพอเห็นว่าเป็นรัณย์ก็ขุ่นข้องขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่เข้าใจว่ารัณย์มีดีตรงไหนใคร ๆ ถึงปลื้มนัก น้อยว่าน้อยดีกว่าตั้งมาก
แล้วรัณย์ก็ยังเป็นคนเก่าที่ชอบแกล้งน้อย ดึงผ้าขนหนูไปทั้งที่น้อยกำลังล้างหน้าฟองสบู่ยังเต็มหน้า
“เอาผ้าคืนมาแล้วไปที่ชอบ ๆ ซะทีอย่ามาหลอกหลอนฉันนักเลย”
“ฉันรอกลับบ้านพร้อมเธอน่ะ” รัณย์เพิ่งเอ่ยปากพูดเป็นประโยคแรกพร้อมกับโยนผ้าคืนให้พลางหัวเราะ “พ่อแม่เรายังไม่ล้มเลิกเรื่องหมั้นอะไรนั่นหรอกนะที่มานี่เขามาดูฤกษ์หมั้นตามประเพณี ทีแรกที่มากะว่ามาชวนกันบอกปฏิเสธพ่อแม่เราแต่ตอนนี้ไม่แล้ว ฉันจะตอบตกลงเพราะมีแต่เธอที่แสดงว่าไม่ชอบหน้าฉัน คงสนุกพิลึก”
“เฮอะ ขืนฉันแต่งกับนายก็คงสนุกล่ะ” น้อยเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันตอบ “สงสัยฉันต้องมีผัวมากกว่าหนึ่งคนแน่ ๆ “
“ก็คงเหมือนกันเพราะเธอคงไม่ได้ความ อยู่รกบ้านเปลืองข้าวสุกอย่างที่รู้กันน่ะล่ะ”
แล้วเราก็ไม่พูดกันจนแล้วจนรอด กระทั่งเมื่อจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยรัณย์ลงกรุงเทพฯทันทีที่ปิดเทอมเพื่อเตรียมตัวพิเศษก่อนสอบระหว่างนั้นน้อยก็ขาเจ็บเพราะเอ็นฉีกจากการแข่งกีฬาต้องไปติวพิเศษโดยมีพ่อไปส่ง รัณย์เองพอคล้อยหลังพ่อก็แทบเดินตัวปลิวทิ้งน้อยให้เขยกตามไปอย่างไม่คิดจะง้องอนหรอกนะ
วันหนึ่งเราไปสายและเราก็รีบขึ้นตึกเท่ากับที่เด็ก ๆ ชั้นม.ต้นเพิ่งเลิกเรียนวิ่งสวนลงไปชนน้อยที่ขายังเดี้ยงเสียหลัก คิดว่าคงเดี้ยงอีกข้างหรือไม่ขาที่กำลังจะหายก็เจ็บเหมือนเดิมอีกแต่รัณย์กลับคว้าตัวน้อยเอาไว้เมื่อกลิ้งลงไปน้อยไม่เจ็บจนนิดเดียว รัณย์เป็นฮีโร่เชียวนะ
“เจ็บตรงไหนหรือเปล่า ขาล่ะ?” คำถามแบบนั้นถ้าไม่ใช่รัณย์ในตอนนั้นล่ะก็น้อยคงไม่สงสัยหรอกว่าที่ถามเพราะมารยาทหรือห่วงใยกันแน่ ถ้าเป็นตอนนี้ไม่สงสัยเลยน้อยรู้ว่ารัณย์เป็นห่วงน่ะ
“เปล่าแต่นายหัวแตก” น้อยหันรีหันขวางก็เกาะบันไดลุกขึ้นเอง รัณย์ลุกตามกันไปนั่งที่ริมระเบียง
“มีผ้าเช็ดหน้าไหม?”
น้อยยื่นกระดาษเช็ดหน้าให้แทน รัณย์ก็ไม่พอใจขึ้นมาอีกบ่นว่า
“เป็นผู้หญิงชนิดไหนไม่รู้จักพกผ้าเช็ดหน้า” ว่าแล้วรัณย์ก็หยิบผ้าของตัวเองออกจากระเป๋ากางเกงขึ้นแตะซับเลือดที่ซึมออกตรงขมับ
“มีแล้วทำไมต้องถามฉัน ไม่เอาของตัวออกมาใช้”
“ฉันเจ็บเพราะช่วยเธอก็ต้องใช้ของเธอสิ”
เห็นไหม! เห็นความร้ายกาจของตัวเองไหมรัณย์ พอน้อยส่งพลาสเตอร์ให้รัณย์ก็ออกคำสั่งว่า
“ติดให้ด้วยสิฉันไม่มีตาบนหน้าผากนะจะได้มองเห็น”
ถ้าน้อยไม่คิดว่ารัณย์เป็นผู้มีพระคุณนะรับรองได้ว่านอกจากรัณย์จะไม่ได้พลาสเตอร์ยาแล้วอาจจะโดนซัดอีกหลายทีจนช้ำในตายไปแล้วก็เป็นได้ (ถ้าเป็นอย่างนั้นถึงตอนนี้น้อยคงเสียใจแย่) น้อยจำใจปิดแผลให้อย่างไม่มีทางเลี่ยงเพราะสำนึกในบุญคุณนะนี่
“มองอะไร?” น้อยถามห้วน ๆ รู้สึกอายที่รัณย์มองแปลก ๆ แล้วรัณย์ก็เป็นคนเก่าที่ไม่เคยบิดพริ้วกับความนึกคิดของตัวเอง
“มองว่าเธอก็สวยดีอย่างที่ใครเขาว่าไง แปลกนะเพิ่งมองเห็น สิบกว่าปีจะยี่สิบที่รู้จักกันมานี่เพิ่งเห็นเองนะน้อย”
เป็นครั้งแรกที่รัณย์ชมน้อยตรงๆ ต่อหน้าอย่างนั้นน่าปลื้มมากที่สุดในชีวิตแล้วตอนนั้นน้อยก็เห็นว่ารัณย์รูปหล่ออย่างที่ใครเขาว่าจริง ๆ นะ
จากนั้นดูเหมือนเราต่างก็ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันมากขึ้นเรียกว่ารัณย์คอยดูน้อยลงจากรถเรียบร้อยส่งถึงห้องเรียนแล้วนั่นล่ะถึงไปไหนต่อไหนกับเพื่อนของรัณย์ไม่ใช่สะบัดหนีตัวใครตัวมันเหมือนทุกทีเป็นสุภาพบุรุษทุกกระเบียดมากขึ้นในความคิดของน้อย
รัณย์จ๋าน้อยมีเรื่องจะสารภาพ
เรื่องที่ว่านี้ว่าเรื่องที่น้อยไม่ตอบจดหมายฉบับที่แล้วของรัณย์ไง ทั้งที่เรื่องมันก็แทบไม่มีอะไรเลยแต่น้อยก็เข้าใจผิดแล้วก็งอนน่ะเลยไม่ตอบ
“ไอ้น้อยหายไปเลย ชอบทำให้เป็นห่วง”
ลับหลังรัณย์จะเรียกน้อยด้วยคำว่า “ไอ้น้อย” ตามถนัดปากอย่าเถียงเชียวนะว่าไม่ใช่เพราะน้อยเคยได้ยินกับหูหลายครั้งหลายหนแต่คร้านจะทักท้วงหรอกน่าเพราะเห็นว่าเรื่องเล็ก
เรื่องที่น้อยงอนมันมีอยู่ว่าเมื่อเดือนก่อนน้อยไปช้อปปิ้งกับเพื่อนเจอพี่มุกเข้า เขาถามหารัณย์ว่างี้นะ
“น้อยต้องรู้แน่ว่ารัณย์อยู่ที่ไหน ไม่ได้เจอนานชักคิดถึงเหมือนกัน” แล้วเขาก็มีน้ำใจกับน้อยว่า “พี่กำลังจะขึ้นเชียงใหม่น้อยอยากได้อะไรไหมพี่จะซื้อมาฝาก”
น้อยก็เลยบอกที่อยู่รัณย์ไปว่าอยู่เชียงใหม่ น้อยขอโทษนะจ๊ะรัณย์คนดี แต่แหมก็น้อยเคยเห็นว่ารัณย์กับพี่มุกรักกันหวานหยดคงมีเรื่องคิดถึงความหลังร่วมกันบ้างถ้าได้เจอกัน
ต่อมานายต้อมก็คาบข่าวกลับมาเล่าให้ฟังอีกว่า
“ฉันเจอกิรัณย์ว่ะ มันพาแฟนเก่าไปเที่ยวไนท์บาร์ซาร์ล่ะ ใครเป็นคนบอกพี่มุกวะว่ามันอยู่เชียงใหม่ โหย! เจ๊แกเกาะหนึบเหนียวแน่นดีพิลึก”
น้อยจะไม่เขียนจดหมายฉบับนี้ถ้ารัณย์ยังไม่มีจดหมายมาอีก แต่รัณย์ก็เขียนมาเล่าเรื่องพี่มุก พาพี่มุกเที่ยวอย่างเจ้าของบ้านที่ดีต้อนรับเพื่อนฝูง
น้อยขอโทษที่สงสัยในตัวรัณย์…ขอโทษนะจ๊ะ ยกโทษให้หนูด้วย (แง๊!~)
ปีที่สี่ของจดหมาย นี่เป็นฉบับสุดท้ายจริง ๆ ที่จะเขียนถึงรัณย์จดหมายที่ยาวที่สุดเพื่อคนที่น้อยรักที่สุด แปลกดีที่น้อยยอมรับอย่างง่ายดายเหมือนกับที่รัณย์ตั้งข้อสังเกตเมื่อนานมาแล้ว และเพราะยอมรับมันน้อยถึงคิดว่าสี่ปีที่ผ่านมาคุ้มค่ามหาศาลด้วยเวลาที่ฟักบ่มความรู้สึกทั้งมวลที่เราต่างก็รับรู้ว่ามีกันอยู่ตลอดเวลา เราไม่ใช่แค่คนสองคนที่รักกันและกำลังจะมีข่าวดีเมื่อเรียนจบในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เราไม่ใช่แค่เพื่อนสนิทที่บอกเล่าทุกเรื่องราวให้แก่กันได้เพราะเราเห็นกันมาแต่เล็กแต่น้อย เราไม่ใช่แค่พี่น้องเพราะเรารู้ว่าความรู้สึกที่มีให้กันมีมากกว่านั้น แต่ทั้งหมดคือน้อยว่านี่เป็นความรัก ความรักที่เราสัมผัสกับมันตั้งแต่แรกเกิดกระทั่งเดี๋ยวนี้ ความรักหลากรูปแบบที่ยิ่งนับวันจะมากไปด้วยความหมายที่มาพร้อมกับวัย วุฒิภาวะ และเรื่องราวมากมายที่เราต่างก็ประสบพบเจอเป็นประสบการณ์ชีวิต น้อยเชื่อว่ายิ่งนานวันความรักชนิดนี้จะทรงค่ามหาศาลอย่างไม่มีจุดจบเพราะมันมากด้วยศรัทธาที่มีให้แก่กัน
น้อยไม่อายเลยนะที่จะบอกใครในโลกว่ารักรัณย์มากที่สุด รักด้วยความหมายทั้งปวงที่มนุษย์ไม่สามารถอธิบายได้ด้วยภาษาแต่น้อยก็รู้ว่ารัณย์เข้าใจ
ของบางส่วนที่รัณย์ส่งมาน้อยได้รับแล้วและน้อยจะรอที่บ้านเมื่อรัณย์สอบเสร็จ น้อยรู้ว่ารัณย์จะโชคดีในการสอบเหมือนทุกครั้งสมกับความพยายามความตั้งใจมั่นของรัณย์
ด้วยรักเสมอ อทิตยาจ๊ะ
บ้านพักหนุ่มโสด จ. เชียงใหม่
ถึงว่าที่คุณนายที่รักมาก
รัณย์หาตัวคนเจ้ากี้เจ้าการมานานแล้ว จับตัวได้เสียทีเพราะจำเลยยอมรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหาโดยไม่มีการตั้งกระทู้ถามซะด้วย เอาเป็นว่าสอบเสร็จรัณย์จะกลับไปทำโทษ วิธีร้อยแปดที่คิดได้น้อยเตรียมตัวเตรียมใจไว้เถอะรัณย์เอาจริงนะ
ก่อนอื่นขอแก้ตัวก่อนว่ารัณย์กับมุกไม่ได้รักกันหวานหยดอย่างที่น้อยว่าหรอก อารมณ์ของวัยรุ่นมากกว่าอย่างอื่นและก็ไม่มีอะไรเกินเลยอย่างที่บรรดาสหายปากมอมมันแซวให้ได้ยิน ยอมรับว่าตกใจยิ่งกว่าเห็นผีซะอีกที่อยู่ ๆ มุกก็โผล่หน้าไปเยี่ยมถึงบ้านพักถามเขาก็ไม่ยอมปริปากบอกว่ารู้ที่อยู่รัณย์ได้อย่างไรถ้าน้อยไม่บอกรัณย์ก็เลิกสงสัยไปนานแล้ว เพราะเห็นแค่เขาเป็นเพื่อนที่ค่อนข้าง “วุ่นวาย” อยู่ซักหน่อย รัณย์พาเที่ยวก็ไปกับกรุ๊ปทัวร์พร้อมพวกฝรั่งที่รัณย์ทำงานเป็นไกด์อย่างที่น้อยรู้น่ะล่ะ พอเขากลับรัณย์ก็หมดหน้าที่ รัณย์ยังบอกเรื่องของเราให้เขารู้เขายังดีใจด้วยกับเราเลยฝากเตือนน้อยว่าอย่างลืมแจกการ์ดให้เขานะ
น้อยที่รักรัณย์มีเรื่องมากมายอยากพูดอยากเขียนเหมือนที่น้อยเขียนมานั่นล่ะแต่เวลามีไม่มากนักเอาเป็นว่ารัณย์รู้สึกเหมือนที่น้อยเขียนมานั่นล่ะ สำหรับรัณย์จดหมายฉบับนี้อาจจะไม่ยาวที่สุดเพื่อคนที่รักที่สุดหรอก มันเคยมียาวกว่านี้แน่เมื่อตอนที่รัณย์ไปรับน้องปีสองไง แต่คงเป็นฉบับสุดท้ายของรัณย์สำหรับน้อยที่รักเหมือนกันเพราะต่อไปไม่ว่าจะไปไหนรัณย์จะพกน้อยติดตัวไปด้วยทุกที่ไม่ต้องคิดถึง ไม่ต้องเขียนจดหมายรำพันบอกเล่าเรื่องราวสำคัญอย่างที่ผ่านมาสี่ปี หลายคนว่ารัณย์โรแมนติกมากที่ทำแบบนี้ได้อย่างเสมอต้นเสมอปลาย รัณย์ยังแปลกใจตัวเองเลยที่ทำได้ถึงขนาดนี้
รัณย์เก็บเงินแต่งงานได้มากพอดูนะน้อย แม่ของเพื่อนที่รัณย์ทำงานด้วยบอกว่าเหลือเฟือทีเดียว รัณย์รู้ว่าถึงไม่หาเราก็ได้แต่งงานแน่แต่รัณย์อยากให้น้อยภูมิใจในตัวรัณย์ วางใจว่ารัณย์ไม่ปล่อยให้น้อยอดอยาก เป็นน้องผู้หิวโหยอย่างแน่นอนที่สุด
สาเหตุที่รัณย์เรียกน้อยว่า “ไอ้” ต่อหน้าเพื่อนที่เชียงใหม่เพราะกลัวว่าถ้ามันรู้ว่าน้อยเป็นผู้หญิงต่อไปมันจะอยากเห็นหน้า ต่อมาอยากเห็นตัวจริงแล้วมันก็อาจจะมีการรักแบบไม่รู้ตัวเหมือนที่รัณย์เป็นมาแล้วและเพื่อนก็เสียเพื่อน เพราะรัณย์จะไม่ยอมยกน้อยให้ใครแน่ น้อยก็รู้ว่ารัณย์ถนอมน้อยยิ่งกว่าใครจะรับรู้นี่นะไม่ใช่เพื่อใครเลยแต่เพื่อรัณย์เองล่ะ
อ่าน ๆ จดหมายของน้อยดูก็มองเห็นความร้ายกาจของตัวเองนะน้อย รัณย์ปากร้ายกระทั่งเดี๋ยวนี้หรือเปล่า? หรือเฉพาะกับน้อยที่รัณย์มองเห็นว่าสวยขึ้นทุกวันจนกลัวว่าน้อยจะเหลิงเลยต้องปราม ๆ น้อยเอาไว้บ้าง
การมีน้อยเข้ามาในชีวิตวัยเด็กของรัณย์ยอมรับว่าไม่ได้พอใจเลยที่มีน้อย เด็กผู้หญิงแท้ ๆ กำแหงแข็งข้อกับรัณย์สารพัด มิหนำซ้ำยังรังเกียจรังงอนกับความสัมพันธ์ที่ผู้ใหญ่ผูกเราไว้จนรัณย์รับไม่ได้ รัณย์อาจจะหลงตัวเองมั๊งถึงช็อคมากที่เห็นน้อยหัวฟัดหัวเหวี่ยงกับสิ่งที่รู้อย่างบังเอิญ แต่ท่าทีของน้อยตอนนั้นทำให้ช็อคมากกว่าอย่างอื่น ที่ทำตามคำผู้ใหญ่ตอนนั้นก็เพราะอยากแกล้งอย่างที่บอกนั่นล่ะแต่เป็นความสัตย์จริงว่าไม่เคยมองว่าน้อยจะต้องเป็นสิ่งที่รกบ้านอย่างไร้ประโยชน์หรือ รัณย์จะต้องมีเมียมากอย่างที่ว่า ตอนนั้นไม่คิด ตอนนี้ยิ่งไม่คิดเพราะรัณย์มองว่าความรักของรัณย์ที่รักน้อยน่ะมันยิ่งใหญ่เกินกว่าจะทำลายด้วยอารมณ์ที่บอกได้แน่นอนว่าไม่ยั่งยืนเลย
ถึงตอนนี้รู้สึกดีใจที่สุดในชีวิตที่มีน้อยอยู่ใกล้ตัวและใกล้ใจเสมอ
น้อยรู้ไหมว่ารัณย์อยากให้สอบเสร็จเร็ว ๆ แล้วรัณย์จะกลับกรุงเทพฯมาทวงรางวัลความเสมอต้นเสมอปลายที่น้อยชม มาทวงคำขอโทษและค่าปรับความเจ้ากี้เจ้าการของน้อยเรื่องมุก และก็ทำโทษที่ทำให้รัณย์นึกเป็นห่วงซะสองอาทิตย์ที่ไม่ยอมตอบจดหมายเพราะความที่เข้าใจรัณย์ผิด
น้อยที่รัก…คำนี้ล่ะนะที่รัณย์เรียกจนติดปากและก็ติดใจอย่างไม่มีวันเปลี่ยนหรือแปรความหมายเป็นอย่างอื่นได้อีกแล้ว เวลาที่น้อยอ่านจดหมายของรัณย์บ่อย ๆ มันอาจจะให้ความรู้สึกเหมือนผู้ชายเจ้าชู้ที่พรอดคำหวานเพื่อล่อเหยื่อ แต่น้อยรู้ใช่ไหมว่ารัณย์ไม่ใช่อย่างนั้น รัณย์พูดเพราะรัณย์รู้สึกอย่างนั้นจริง รัณย์ถามตัวเองหลายครั้งว่ารัณย์รักน้อยอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไร
ถ้าตอบว่าตั้งแต่ที่รัณย์หัวแตกเพราะช่วยน้อยล่ะก็ผิด!
มันเริ่มตั้งแต่ที่รัณย์ช็อคในท่าทีของน้อยเมื่อตอนที่เรียนมัธยมศึกษาปีที่สามนั่นไง เพราะที่ผ่านมาให้ไม่ถูกกันแค่ไหนแต่เราต่างก็รู้ว่าเรามีกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อรัณย์ย้ายไปนครพนมไม่ใช่ว่ารัณย์ไม่เหงานะ ชีวิตเหมือนขาดอะไรไปที่บอกได้ว่าเสียงหัวเราะร่วมกันที่แม้จะหัวเราะร่วมกันไม่บ่อยนักก็เถอะ และที่มากอย่างเห็นได้ชัดคือเสียงทะเลาะของเรา ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่รัณย์ต่อปากต่อคำด้วยอารมณ์และความนึกคิดที่เป็นจริงอย่างที่สุด โมโหก็พาลใส่ ดีใจก็หัวเราะ ไม่ต้องทำแบบ ’น้ำขุ่นไว้ในน้ำใสไว้นอก’ ไงล่ะ เป็นตัวตนแท้ ๆ ที่แสดงธาตุแท้ออกมาโดยไม่ต้องผลักดันเอาแต่ด้านที่สวยงามออกมาโชว์เพราะอย่างนี้ด้วยมั๊งรัณย์ถึงรักน้อยนักหนา อยู่กับน้อยไม่ต้องเหนื่อยปรับสีหน้า ปรับพฤติกรรม จะดีหน่อยตรงที่ว่าเดี๋ยวนี้รัณย์เป็นผู้ใหญ่ขึ้นไม่ค่อยกล้าพาลหาเรื่องน้อยอย่างเมื่อก่อนอีก ความรักมันล้นหัวอกก็งี้ล่ะนะ
น้อยว่าจะมีใครคิดไหมว่าอย่างรัณย์ที่ใครอื่นภายนอกมักมองว่าเป็นเพลย์บอย เป็นผู้ชายร้อนแรงต้องกินสาว ๆ ทุกคืน (ขอยืนยันว่า ‘เขาว่า’ นะจ๊ะ แต่รัณย์ไม่ได้ทำเล้ยจริง ๆ) ตัวจริง ๆ จะเป็นผู้ชายที่วางแผนการสวยหรูสำหรับครอบครัวทันทีที่เรียนจบอย่างใจจดจ่อ เพราะความที่รักน้อยนักหนาอย่างที่น้อยเองยังเคยสงสัย และครั้งนี้ก็คงต้องให้รัณย์ย้ำอีกครั้งสินะว่า
...ไม่ต้องถามว่ารักแค่ไหนเพราะไม่มีมาตราใด ๆ ในโลกมาวัดความรักของรัณย์ได้นอกเสียจากความรักของน้อยเพียงประการเดียว ความรักของน้อยคนเดียวเท่านั้นที่สามารถถ่วงดุลความรักของรัณย์ได้…
สุดท้ายนี้รัณย์ขอให้น้อยสอบผ่านด้วยคะแนนสวยหรูอย่างที่หวังไว้เหมือนที่ผ่านมาตลอด รัณย์รู้ว่าน้อยต้องทำได้…โชคดีนะจ๊ะ
อ่านทวนจดหมายรอบที่สองรัณย์ก็แน่ใจแล้วว่าตัวเองนี้สุดแสนจะโรแมนติคมากกว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้อีกนะ
รักเสมอ
กิรัณย์ครับ
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ CheriNeo ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ CheriNeo
ความคิดเห็น